ปัจจุบันนี้นับว่าเทคโนโลยีมีความสำคัญและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราเยอะมาก ธุรกิจต่างๆมีการผลัดเปลี่ยน หมุนเวียน ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีกันมากขึ้น Internet, Smartphone และ Tablet เข้ามามีบทบาทสำคัญกับเราเป็นอย่างมาก และหนึ่งในเทคโนโลยีที่มาพร้อมกันนั้นก็คือ AR/VR นั่นเอง
AR คืออะไร?
AR ย่อมาจาก Augmented Reality ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่นำเอาภาพเสมือน 3 มิติจำลองเข้าสู่โลกจริงผ่านกล้องและมีการประมวลผลโดยการทำให้วัตถุ 3 มิติ (ภาพเสมือน) ทับซ้อนเข้ากันกับภาพจริงเป็นภาพๆเดียว โดยเราสามารถมองผ่านกล้องได้โดยตรงเลย
ซึ่งเมื่อเราได้ยินคำว่า AR ก็มักจะได้ยินร่วมกับคำว่า VR ซึ่งย่อมาจาก Virtual Reality เป็นเทคโนโลยีที่คล้ายคลึงกัน ต่างกันที่ VR คือการจำลองโลกเสมือนขึ้นมาและเข้าถึงได้จากอุปกรณ์เสริมต่างๆ เช่น แว่น Oculus Rift, Play Station VR เป็นต้น
จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยี AR นั้นมีมาตั้งแต่ปี 2010 และถ้านึกถึงเทคโนโลยี AR ส่วนใหญ่ที่ผู้คนนึกถึงก็จะเป็นในด้าน Game และ Entertainment กันเป็นหลัก เนื่องจากในช่วง 2–3 ปีมานี้ แอพพลิเคชันที่เป็นตัวอย่างการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AR ได้เป็นอย่างดีเลยก็คือ Pokemon Go นั่นเอง
ชนิดของ Augmented Reality
AR สามารถแบ่งแยกชนิดหลักๆ ได้ 2 ชนิดหลักๆ คือ
Marker-Based : ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบเครื่องหมาย สัญลักษณ์ต่างๆ เป็นใบปลิว โบรชัวร์ต่างๆ ผู้ใช้ทำการ scan ด้วยกล้องจากตัว smartphone เพื่อแสดงภาพ 3 มิติ
Location-Based : ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องใช้ smartphone scan จากภาพ เพียงแค่ใช้ GPS ของเครื่องนั้นๆ ก็สามารถแสดงภาพ 3 มิติได้
การทำงานหลักๆของ AR (ขึ้นอยู่กับ Engine และ Toolkit ของแต่ละผู้ผลิต) ซึ่งส่วนหลักๆจะคล้ายๆกัน เช่น
Tracking : ติดตาม วัดแรงเฉื่อย วัดตำแหน่ง องศาของโทรศัพท์ ทำให้รู้ว่าอยู่ในทิศทางใด
Rendering : การแสดงผลพวกภาพ Model 3 มิติ ร่วมกับภาพจริงๆ ให้เป็นเหมือนภาพเดียวกัน
Scene : มีการเข้าใจรายละเอียดของฉากในภาพ เช่น ถ้าห้องมืด ภาพก็จะสว่างๆ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น